วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีระบบกับเทคโนโลยีการศึกษา






1.วิธีระบบเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการศึกษาอย่างไร 



วิธีระบ เป็นวิธีการรวมหน่วยอิสระย่อยๆหลายหน่วยเข้าด้วยกันเพื่อทำหน้าที่บางอย่าง โดยหน้าที่นั้นจะเริ่มจากการรับข้อมูลเข้ามา (Input) จากนั้นเกิดกระบวนการประมวลผลหรือแปรรูปข้อมูลนั้นๆ (Transform Input) ให้เป็นผลผลิตออกมา (Output) อย่างเป็นระเบียบ และยังมีการประเมินผลผลิตว่าตรงตามที่ต้องการหรือไม่ หากยังมีข้อผิดพลาดก็นำเข้าสู่ระบบอีกครั้งเพื่อทำการแก้ไขปัญหาให้บรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการต่อไป


เทคโนโลยีการศึกษเป็นกระบวนการการพัฒนา การแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ มีการวางแผนออกแบบ ตั้งปัญหา กำหนดจุดประสงค์ การจักกิจกรรม การใช้เครื่องมือต่างๆมาช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ



สรุป เทคโนโลยีการศึกษาเป็นการนำเอาวิธีระบบมาเป็นแกนหลักในวิธีการพัฒนา การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน เช่น ครูตั้งจุดประสงค์หรือปัญหาในการเรียนการสอน เป็นข้อมูลนำเข้า จากนั้นวางแผน ออกแบบ จัดเตรียม แก้ไขเนื้อหา กิจกรรมต่างๆให้สอดคล้องกับจุดประสงค์หรือปัญหาที่วางไว้เป็นกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้  ทำให้การเรียนการสอน มีประสิทธิภาพ แต่หากพบปัญหาก็สามารถกลับไปตรวจสอบขั้นตอนต่างๆในระบบเพื่อหาทางแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการต่อไป




2.สร้างระบบการสอน






การหาข้อมูล  แรกเริ่มในการจัดการเรียนการสอนครูก็ต้องสำรวจหาข้อมูลก่อนเพื่อนำข้อมูลนั้นไปกำหนดวัตถุประสงค์ โดยการสำรวจตัวผู้เรียนจากความต้องการของผู้เรียน ความแตกต่างในด้านต่างๆของแต่ละบุคคล เป็นต้น

การกำหนดวัตถุประสงค์ หลังจากได้ข้อมูลจากการสำรวจแล้ว จากนั้นก็กำหนดวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่ต้องการจะให้เกิดกับตัวผู้เรียน กับการเรียนการสอนนั้นๆ
      
        การกำหนดและเลือกสรรทรัพยากร เป็นขั้นตอนที่ผู้สอนทำการเลือกเนื้อหาสาระ  สื่อการเรียนการสอนแบบต่างๆ  การจัดสรรเวลาเรียน รวมถึงการจัดสภาพห้องเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการและความแตกต่างของแต่ละบุคคลของตัวผู้เรียน
               
        กิจกรรมการเรียนการสอน  เป็นขั้นตอนที่ผู้สอนนำทรัพยากรที่ได้กำหนด เลือกสรรไว้มาเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอนจริง โดยกิจกรรมนั้นต้องเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆได้อย่างครบถ้วนเหมาะสม เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้

                
        การประเมินผล เป็นขั้นการประเมินผลว่าผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมถึงเป็นการประเมินระบบการสอนที่ผู้สอนได้คิดขึ้นมาว่าได้ประสิทธิภาพหรือไม่ หากยังไม่ได้ประสิทธิภาพหรือพบข้อผิดพลาดก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อไป








วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความแตกต่างของ IT กับ ICT


IT (Information Technology) และ ICT (Information and Communication Technology) 
มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร


IT (Information Technology) หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศ


                คำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ มาจากคำ 2 คำนำมารวมกัน คือ 
คำว่า เทคโนโลยี  + สารสนเทศ = เทคโนโลยีสารสนเทศ   
เมื่อพิจารณาความหมายของแต่ละคำจะมีความหมายดังนี้

เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ เทคโนโลยีจึงเป็นวิธีการในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ข้อมูลดังกล่าวต้องผ่านการเก็บรวบรวม จัดเก็บ ตรวจสอบความถูกต้อง แบ่งกลุ่มจัดประเภทของข้อมูล และสรุปออกมาเป็นสารสนเทศ และมนุษย์นำเอาสารสนเทศนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น รายงาน ผลงานการวิจัย ข่าวสารต่าง ๆ


เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึง  การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอน วิธีการดำเนินการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล เกี่ยวข้องกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด



ICT (Information and Communication Technology) หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

                   
                   ส่วนคำว่า ICT (Information and Communication Technology) หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นศัพท์ที่มักใช้ในความหมายคล้ายกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) เพียงแต่ขยายขอบเขตเพิ่มขึ้นโดยเน้นเรื่องบทบาทของการสื่อสาร (Communications) กับบูรณาการของสิ่งต่อไปนี้ได้แก่ โทรคมนาคม (ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ระบบสื่อสารข้อมูล ดาวเทียมหรือเครื่องมือสื่อสารใด ๆ ทั้งมีสายและไร้สาย) คอมพิวเตอร์ตลอดจนถึงซอฟต์แวร์วิสาหกิจ มิดเดิลแวร์ หน่วยเก็บข้อมูล และระบบโสตทัศน์ต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง เก็บบันทึก ส่งผ่าน และจัดดำเนินการสารสนเทศได้


วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

ปัญหาที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม


                       
ในปัจจุบันโลกเรามีการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ  วัฒนธรรมและสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของมนุษย์   ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาเพื่อตอบสนองและให้ทันต่อความต้องการของทุกคนทั่วโลก


เทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีประโยชน์มีประโยชน์มากมาย  ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของมนุษย์  หรือช่วยพัฒนาด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การแพทย์ การศึกษา และอีกมากมาย  แต่ไม่เพียงก่อให้เกิดประโยชน์เท่านั้น  เทคโนโลยีสารสนเทศก็ยังก่อให้เกิดปัญหาตามมาทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและการศึกษา จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าวที่ไม่ถูกต้อง  เนื่องจากในโลกของการติดต่อสื่อสารที่ไร้พรมแดนอาจทำให้ข้อมูลสารสนเทศที่นั้นมีเนื้อหาที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม  ตัวอย่างปัญหาที่สำคัญๆของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ไม่เหมาะสม ได้แก่  




ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ  เช่น โดยการแฮก (Hack) สาเหตุอาจมาจากการที่บุคคลบางคนพยายามหาวิธีการหรือช่องโหว่ของระบบ ในการวางแผนปล้น โจรกรรม ปั่นป่วน บิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสาร อาทิ ลักลอบใช้ข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อประโยชน์ทางธุรกรรมการเงินของตน   การขโมยข้อมูลลับของทางรัฐบาลเพื่อการเผยแพร่หรือนำไปขาย                   การลักลอบเข้าระบบของผู้อื่นเพื่อบิดเบือน เปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสาร ส่วนในด้านการแก้ไขป้องกันนั้น อาจทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านการเข้าระบบเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่นำข้อมูลสำคัญๆเก็บไว้ในระบบ ไม่ดาวโหลดไฟล์น่าสงสัย เป็นต้น

ปัญหาการปฏิสัมพันธ์กัน
ระหว่างคนในสังคมลดลง
โดยระบบเทคโนโลยีที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รู้จัก หรือไม่รู้จักกันมาก่อนหรือแม้อยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม  เช่น การใช้เวปไซต์จำพวก Social Network ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากันก็สามารถพูดคุยกันได้ หรือการสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการได้เพียงแค่คลิกเมาส์ ไม่จำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว อาจทำให้เกิดการหมกมุ่นเพลิดเพลินอยู่ในโลกของตัวเอง ทำให้การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นลดน้อยลง ส่วนในทางการแก้ไขนั้น อาจทำได้โดยการแบ่งเวลาในการใช้งานให้เหมาะสม ไม่หมกมุ่นจนเกินไป ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ เป็นต้น

ปัญหาภาพโป๊หรือคลิปวิดีโออนาจาร ในปัจจุบันการถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือลงอินเตอร์เน็ตกลายเป็นที่นิยมแพร่หลาย มันจะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดหากภาพหรือคลิปเหล่านั้นจะไม่เป็นที่ล่อแหลมหรืออนาจาร สาเหตุเหล่านี้อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น ความคึกคะนอง ความตื่นเต้น เร้าใจของเจ้าของภาพ คลิปที่ถ่ายภาพ คลิปแล้วลงโดยที่อาจคิดว่าในโลกอินเตอร์เน็ตไม่มีใครรู้จักเรา ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเพราะคิดแค่สั้นๆ อยากโชว์ อยากเผยแพร่ความเป็นตัวตนของตัวเอง ซึ่งแนวทางการป้องกันแก้ไขนั้น อาจทำได้โดยการ สอนให้บุคคลเหล่านั้นรู้เท่าทันประโยชน์ ผลเสียที่จะตามมา เปลี่ยนมุมมองของตนเองใหม่ในเรื่องการชอบนำเสนอตนเองออกสู่สาธารณชน  รวมถึงให้มีจิตสำนึกรักตัวเอง รักครอบครัว คนรอบข้างมากกว่าที่จะคิดแต่เรื่องสนุกส่วนตนเพียงอย่างเดียว


               ปัญหาเด็กติดเกมส์  ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้องรังมายาวนานในสังคมไทย เหตุหลักๆ ที่เด็กติดเกมนั้นอาจประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น ในเกมเป็นโลกสมมติที่มีความน่าอยู่  เสมือนจริง มีผู้คนมากมาย เราอยากเป็นแบบไหนก็ได้ตามที่ต้องการ สามรถทำอะไรก็ได้ที่ในโลกแห่งความเป็นจริงทำไม่ได้  แต่ละระดับในการเล่นมีความท้าทาย ยิ่งผู้เล่นตรงข้ามเก่ง ด่านแต่ละด่านมีมีความยากเพิ่มขึ้นก็สร้างความอยากเอาชนะไม่สิ้นสุด ทำให้ส่งผลเสียตามมาคือ เด็กเล่นเพลินจนเสียการเรียน เสียสุขภาพ เกิดอารมณ์ก้าวร้าว ขาดการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง แนวทางในการแก้ไขอาจทำได้โดย ผู้ใหญ่ต้องเข้ามาดูแล ให้เวลากับเด็ก พุดคุย สอนกันเพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจ รู้เท่าทันถึงประโยชน์ ผลเสียของการเล่นเกมส์ สอนให้เด็กแบ่งเวลาในการใช้งานให้ดี ส่งเสริมให้ทำกิจกรรมอย่างอื่นหรือพาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน


 โดยสรุปแล้วการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อความต้องการของมนุษย์ทุกคน  และในยุคปัจจุบัน ระยะทางซึ่งแต่เดิมคืออุปสรรคสำคัญในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันกลับไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป ทำให้แต่ละคนในแต่ละสังคมต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้มากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับปัญหามากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด หากรู้จักใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางสร้างสรรค์และรู้เท่าทัน ย่อมส่งผลให้บุคคลในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศชาติเจริญยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วย


✿My Profile✿




นางสาวนันทิกร  ศูนย์กลาง
เกิดวันที่: 29 ธันวาคม  หมู่เลือด : AB 


กิจกรรมยามว่าง : ส่วนใหญ่จะหมดเวลายามว่างไปกับการดูหนังหลายๆเรื่องภายในวันเดียว ซึ่งโดยมากเป็นหนังแอคชั่น หนังสงคราม สืบสวนสอบสวน เพราะหนังพวกนี้ทำให้ไม่หลับ รู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา และอีกกิจกรรมคือ การอ่านหนังสือได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นนิยายรักทั่วไปจนไปถึงนิยายสยองขวัญสั่นประสาท

สถานที่โปรดปราน : จากกิจกรรมยามว่าง การอ่านหนังสือได้ทั้งวันทั้งคืนนั้น ทำให้สิ่งโปรดปรานที่สุดอย่างหนึ่งของนางสาวนันทิกรคือ การเข้าร้านหนังสืออาทิตย์ละหลายๆครั้ง ไม่ได้เข้าไปซื้อทุกครั้ง แต่ก็ขอให้ได้เข้าไป ดูหนังสือที่น่าสนใจก็ยังดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังเป็นนิยาย วรรณกรรมอยู่นั่นเอง :D และชอบไปโรงหนัง หนังเรื่องไหนเข้าใหม่จะรีบไปดูทันที แต่แปลกที่ไม่ชอบเข้าร้านหนัง (เพราะมันเสียตังค์)

อารหารโปรด : ไก่ทอด คือสิ่งแรกที่แวบเข้ามาในสมองเมื่อมีคนถามถึงอาหารที่โปรดปราณ เป็นอาหารที่ธรรมดา แต่ไม่ว่าจะทานกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ต่อมาคือเนื้อย่าง (55555) นี่ก็ทานได้ตลอด อาทิตย์ละครั้งก็ยังได้ ถึงหลังจากที่ทานแล้ว น้ำหนักจะขึ้นเป็นเงาตามตัวก็ไม่หวั่น 

สิ่งที่หวัง(ฝัน)ให้เป็นในอนาคต : การเป็นครูที่ดีคือ ความหวังที่อยากให้ตัวเองเป็น และจะพยายามให้ดีที่สุด ต่อมาคือ การเที่ยวรอบโลกซึ่ง เป็นความหวัง และความฝันสูงสุด แต่มีความเป็นไปได้น้อยในความเป็นจริง ;( 

และนี่ก็คือประวัติส่วนตัวอย่างคร่าวๆค่ะ  
หลังจากนี้คงได้พบกันบ่อยๆในเวปบล๊อค 

❤ แล้วพบกันนะคะ ;)